วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง เซลล์ วิชาวิทยาศาสตร์ (พว31001) ม.ปลาย

บทที่ 3
เซลล์

เซลล์คืออะไร?

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างก็ประกอบด้วยเซลล์ ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดที่สามารถแสดงคุณสมบัติและความ เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างสมบูรณ์ สิ่งมหัศจรรย์เล็กๆเหล่านี้ช่วยในการสร้างผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก รวมถึงอวัยวะต่างๆที่อยู่ภายในเซลล์เหล่านี้ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ในร่างกายของเรา ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างและซ่อมแซมอวัยวะต่างๆที่อยู่ภายในร่างกายของมนุษย์
 มีเซลล์มากมายหลายชนิดที่อยู่ในร่างกายของคนเรา ซึ่งเซลล์แต่ละชนิดก็จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ในกล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์ที่มีลักษณะเฉพาะจะทำหน้าที่ในการกระตุ้นหัวใจให้ทำงาน ในขณะที่เซลล์ในตับอ่อนจะทำหน้าที่ในการผลิตสารอินซูลินที่จะช่วย ให้ร่างกายสามารถเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเซลล์แต่ละชนิดจะมีหน้าที่ต่างกัน
 อย่างไรก็ตาม เมื่อเซลล์เหล่านี้ได้พัฒนาเป็นเซลล์รูปแบบจำเพาะต่างๆแล้ว มันก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ตัวอื่นได้


ชนิดของ เซลล์

1.เซลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส ( Prokaryotic cells = เซลล์โปรคาริโอต ) ลักษณะเซลล์จะค่อนข้างเล็ก มีขนาด 0.2-10 ไมโครเมตร จะเป็นเซลล์ของพืชชั้นต่ำพวกแบคทีเรีย สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน และไมโครพลาสมา
             1.1 แบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป มีทั้งชนิดที่เป็นโทษคือทำให้เกิดโรค เจ็บป่วยและชนิดที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย หรือบางชนิดเป็นแบคทีเรียประจำถิ่นในร่างกายของเรา เพื่อช่วยสร้างความสมดุล และคอยป้องกันเชื้อโรคที่เป็นอันตรายได้ระดับหนึ่ง แต่ในบางครั้งเมื่อร่างกายเกิดความอ่อนแอลง เชื้อประจำถิ่นอาจเพิ่มจำนวนมากเกินไปจนทำให้เสียสมดุลและเกิดความผิดปกติได้ แบคทีเรีย จะมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น เช่นอาการเจ็บคอ แผลเป็นหนอง ปวด บวม ร้อน เป็นต้น แบคทีเรียมีการสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศคือค่อยๆยืดยาวออกแล้วค่อยๆคอด เข้าหากันจนขาดออกจากกัน
            1.2 .สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (Cyanobacteria) จัดเป็นพืชชั้นต่ำสามารถสังเคราะห์แสง ให้ออกซิเจน เปลี่ยนสีของเซลล์ได้ และตรึงไนโตรเจนได้ พบได้ทั่วไปทุกแห่งในโลก ทั้งในน้ำจืด ทะเล น้ำพุร้อน และอาจอยู่รวมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้ทั้งพืชและสัตว์ สาหร่ายในกลุ่มมีการสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศ คือค่อยๆยืดยาวออกแล้วค่อยๆคอดเข้าหากันจนขาดออกจากกัน

2. เซลล์ที่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส ( Eukaryotic cells = เซลล์ยูคาริโอต ) เซลล์จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง มากกว่า 5 ไมโครเมตร ตัวอย่างของเซลล์ชนิดนี้ได้แก่ เห็ด รา เซลล์ของพืชและสัตว์ทั่วๆไป มีขนาด 10-100 ไมโครเมตร
                2.1 เซลล์พืชมีรูปร่างเป็นเหลี่ยมมีผนังเซลล์อยู่ด้านนอกมีคลอโรพลาสต์ภายใน เซลล์ไม่มีเซนทริโอลแวคคิวโอลมีขนาดใหญ่ มองเห็นไ ด้ชัดเจนไม่มีไลโซโซม
              2.2 เซลล์สัตว์มีรูปร่างกลม หรือรีไม่มีผนังเซลล์ แต่มีสารเคลือบเซลล์อยู่ด้านนอกไม่มีคลอโรพลาสต์มีเซนทริโอลใช้ในการแบ่งเซลล์ แวคคิวโอลมีขนาดเล็ก มองเห็นได้ไม่ชัดเจ นมีไลโซโซม

โครงสร้างที่สำคัญหลักๆของเซลล์มี 3 อย่าง
1. เยื่อหุ้มเซลล์ (Cell membrane )
มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆประกอบด้วยโปรตีนและไขมัน ทำหน้าที่ควบคุมเซลล์ ให้คงรูปอยู่ได้และทำหน้าที่ควบคุมการผ่านเข้าออกของสารบางอย่าง เช่น น้ำ อากาศ และสารละลายต่างๆ
2. ไซโตรพลาสซึม ( Cytoplasm)
มีลักษณะเป็นของเหลวที่มีสิ่งต่างๆปนอยู่ เช่น ส่วนประกอบอื่นๆเซลล์ อาหารซึ่งได้แก่ น้ำตาล ไขมัน โปรตีน และของเสีย
3. นิวเคลียส ( Nucleus )
มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ
- นิวคลีโอลัส ( Nucleolus ) ประกอบไปด้วยสารพันธุกรรม DNA และ RNA มีการสร้างโปรตีนให้แก่เซลล์และส่งออกไปใช้นอกเซลล์
- โครมาติน (Chromatin) คือ ร่างแหของโครโมโซม โครโมโซมประกอบด้วย DNA หรือยีน ( Gene) โปรตีนหลายชนิดทำหน้าที่ควบคุมการสร้างโปรตีน DNA เป็นตัวควบคุมการแสดงออกของลักษณะต่างๆ ในสิ่งมีชีวิต โดยการควบคุมโครงสร้างของโปรตีนให้ได้คุณภาพและปริมาณโปรตีนที่ เหมาะสม

การแบ่งเซลล์ 
การแบ่งเซลล์เป็นการช่วยให้ได้จำนวนเซลล์ที่มากขึ้น ทำให้เกิดการเจริญเติบโตในสิ่งมีชีวิต เป็นเพราะการแบ่งเซลล์ช่วยทำให้เกิดเนื้อเยื่อที่มีความซับซ้อน ทั้งในด้านโครงสร้างและหน้าที่การทำงานของโครงสร้างนั้น

ขั้นตอนของการ แบ่งเซลล์ แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ

            1.การแบ่งนิวเคลียส (Karyokinesis = คาริโอคิเนซิส) เป็นกระบวนการแบ่งตัวของนิวเคลียส (แบคทีเรียและสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส จึงไม่ถือว่ามีนิวเคลียสแท้จริง ไม่มีกระบวนการ Karyokinesis แต่มีการแบ่งสารพันธุกรรมไปสู่เซลล์ใหม่เช่นเดียวกัน) ซึ่งอาจแบ่งนิวเคลียสแบบ mitosis หรือ meiosis ก็ได้
           2.การแบ่งไซโตพลาสซึม(Cytokinesis = ไซโตคิเนซิส) เป็นกระบวนการแบ่งตัวต่อจากการแบ่งนิวเคลียสแล้ว เพื่อให้สารที่จำเป็นและ organelles ต่างๆ แบ่งไปให้เซลล์ใหม่ ซึ่งถือว่าจำเป็นต่อกระบวนการ metabolism จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และเซลล์มีชีวิตอยู่ได้(ถ้าเซลล์ไม่มีการแบ่ง Cytoplasm มีแต่การ


แบ่งนิวเคลียส จะทำให้ได้เซลล์ที่มีหลายนิวเคลียส เช่น เซลล์กล้ามเนื้อลาย หรือ เซลล์ราเมือก)

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แบบทดสอบ วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับ ม.ปลาย กศน.เรื่องสารเคมีกับชีวิตและสิ่งแวดล้อม

แบบทดสอบ
วิชาวิทยาศาสตร์ (พว31001) ระดับ ม.ปลาย

เรื่องสารเคมีกับชีวิตและสิ่งแวดล้อม

1. สสาร หมายถึงข้อใด
  ก. สิ่งที่มวล
 ข. สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา มีตัวตน
 ค. สิ่งที่ต้องการที่อยู่ สัมผัสได้
 ง. ถูกทุกข้อ

2. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
  ก. น้ำปลา
 ข. น้ำยาล้างห้องน้ำ
 ค. ยาสีฟัน
 ง. ไมมีข้อถูก

3. ผงชูรส  เป็นสารปรุงแต่งรสอาหาร  มีชื่อทางเคมีว่าอย่างไร
  ก. โซเดียมกลูตาเมท     
 ข. โมโนโซเดียมกลูตาเมท    
 ค. โซเดียมคลอไรด์     
 ง. โซเดียมไฮดรอกไซค์     

4. เราสามารถใช้พืชเป็นสารทำความสะอาดได้ ข้อใดไม่ใช่สารทำความสะอาดที่ได้จากธรรมชาติ
  ก. มะกรูด 
 ข.  มะนาว
 ค.  แตงโม
 ง. มะขามเปียก

5. การสำรวจสิ่งของที่ประกอบด้วยสารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน พบว่ามีการรับรองคุณภาพว่าปลอดภัย ดูได้จากข้อใด
 ก. ยี่ห้อ          
 ข. สถานที่ผลิต
 ค. ส่วนประกอบของใช้หรือรับประทาน
 ง. เครื่องหมายทะเบียนอาหารและยา

6. ข้อใดเป็นผลกระทบที่เกิดจากสารเคมี
  ก. การปนเปื้อนต่อแหล่งน้ำที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภค
 ข. ทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
 ค. ทำให้เกิดผลเสียหายต่อทรัพย์สินและสังคม
 ง.  ถูกทุกข้อ


วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ใบความรู้ ที่ 1 รายวิชาเลือกคณิตศาสตร์ (พค32005) เรื่องความน่าจะเป็น ระดับ ม.ปลาย

เอกสารประกอบการเรียนรู้ รายวิชา พค32005 ความน่าจะเป็น  ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
โดย  นางสาวกรรณิกา  บุตรชาติ  ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลบ้านแดง    กศน.อำเภอพิบูลย์รักษ์


ความน่าจะเป็น (Probability)
 1.      ความน่าจะเป็น คือ จำนวนที่แสดงให้ทราบว่าเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง มีอกาสเกิดขึ้นมากหรือน้อยเพียงใด   สิ่งที่จำเป็นต้องทราบและทำความเข้าใจคือ
                 1.  แซมเปิลสเปซ (Sample Space )
                  2.  แซมเปิลพ้อยท์ (Sample Point)
                  3. เหตุการณ์ (event)
                  4. การทดลองสุ่ม (Random Experiment)


2.      แซมเปิลสเปซ (Sample Space ) เป็นเซตที่มีสมาชิกประกอบด้วยสิ่งที่ต้องการ ทั้งหมด จากการทดลองอย่างใดอย่างหนึ่ง บางครั้งเรียกว่า Universal Set  เขียนแทนด้วย S   เช่น ในการโยนลูกเต๋าถ้าต้องการดูว่าหน้าอะไรจะขึ้นมาจะได้ 
S = { 1, 2, 3, 4, 5, 6 }
3.      แซมเปิลพ้อยท์ (Sample Point)   คือ สมาชิกของแซมเปิลสเปซ (Sample Space )   เช่น S = {H , T }  ค่า Sample Point  คือ  H  หรือ  T
4.      เหตุการณ์ (event)  คือ เซตที่เป็นสับเซตของ Sample Space  หรือเหตุการณ์ที่เราสนใจ จากการทดลองสุ่ม
5.      การทดลองสุ่ม (Random Experiment)  คือ การกระทำที่เราทราบว่าผลทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง  แต่ไม่สามารถบอกได้อย่างถูกต้องแน่นอนว่าจะเกิดผลอะไรจากผลทั้งหมดที่เป็นไปได้เหล่านั้น
6.      

                         
ข้อควรจำ 
1.      เหตุการณ์ที่แน่นอน คือ เหตุการณ์ที่มีความน่าจะเป็น = 1 เสมอ
2.      เหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ คือ เหตุการณ์ที่มีความน่าจะเป็น = 0
3.      ความน่าจะเป็นใด ๆ จะมีค่าไม่ต่ำกว่า 0 และ ไม่เกิน 1 เสมอ

   
4.      ในการทดลองหนึ่งสามารถทำให้เกิดผลที่ต้องการอย่างมีโอกาสเท่ากันและมีโอกาสเกิดได้ N สิ่ง และเหตุการณ์ A มีจำนวนสมาชิกเป็น ดังนั้นความน่าจะเป็นของ A คือ